head-banpongkratinglang-min
ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์ โรงเรียนบ้านโป่งกระทิงล่าง
วันที่ 28 พฤษภาคม 2023 10:38 PM
head-banpongkratinglang-min
โรงเรียนบ้านโป่งกระทิงล่าง
หน้าหลัก » นานาสาระ » เหมันตฤดู นิยายเรื่องสั้นเกี่ยวกับเหมันตฤดูที่น่าสนใจ

เหมันตฤดู นิยายเรื่องสั้นเกี่ยวกับเหมันตฤดูที่น่าสนใจ

อัพเดทวันที่ 16 ธันวาคม 2020

เหมันตฤดู นิยายเรื่องสั้นเกี่ยวกับเหมันตฤดูที่น่าสนใจ

เหมันตฤดู ช่วงเหมันฤดูใครๆก็ต่างอยู่กับคนที่ตนเองรัก เเต่ไม่ใช่กับ “เหม่ยฮวา” หญิงสาวผู้อาภัพรักผู้นี้ ตั้งแต่คนรักของเธอทิ้งเธอไปเธอก็เปลี่ยนไป จากคนเฮฮาก็กลากเป็นคนเย็นชาไม่สนใจสิ่งรอบตัว เอาแต่ยกไหสุราหวังว่าให้มันได้ช่วยปลอบประโลมความรู้สึกของเธอได้บ้าง หมดไหแล้วไหเล่า ไยคนนั้นยังไม่หายออกไปจากใจกัน ผ่านจากวันเป็นเดือนจนตอนนี้ผ่านมาเป็นปีแล้วเหม่ยฮวาก็ยังไม่สามารถตัดชายที่เคยเป็นที่รักออกไปได้ จนเธอตัดสินใจจะออกเดินทางไปในที่ที่ห่างไกลผู้คนและใข้ชีวิตเงียบๆคนเดียวสักพักใหญ่

          เธอเลือกเดินทางไปยังเจาลูกหนึ่งซึ่งเป็นเขาที่เธอกับแม่เคยอาศัยอยู่ด้วยกัน แต่เมื่อแม่เธอเสียไปเธอก็ต้องย้ายไปอยู่กับท่านยายในหมู่บ้าน เข้ายามพลบค่ำแล้วแต่เธอยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆจนพบกับกระท่อมหลังหนึ่งซึ่งไม่ได้โทรมเท่าไหร่ “จะไปที่ไดกันเล่า” จู่ๆก็มียายคนหนึ่งเดินมาจากข้างหลังเธอทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย “ข้าจะขึ้นไปบนเขาแต่ตอนนี้กลับมืดค่ำเสียแล้ว นี่กระท่อมของท่านหรือ ข้าขอพักอาศัยเพียงข้ามคืนได้หรือไม่” ยายได้แต่ยิ้มน้อยๆแล้วก็พยักหน้าให้เหม่ยฮวา พร้อมทั้งจัดหาข้าวปลามาให้เธอด้วย

           ลมหนาวพัดเข้ามาแล้ว พัดเปลียวเทียนที่ส่องสลัวให้สั่นไหวเล็กน้อย เหม่ยฮวานั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยของนางไป แล้วท่านยายก็เดินมานั่งข้างๆเธอ “เหตุใดถึงเดินทาขึ้นเขาล่ะ” ยายถามขึ้นมา “เพราะว่าข้าน่ะ อยากจะลืมเรื่องความรักของข้าทำให้ข้ารู้สึกเเย่ เรื่องต่างๆที่ข้าเคยเสียน้ำตาให้กับมันมานานเกินไป ข้าแค่อยากขึ้นไป

อยู่เงียบๆเท่านั้น” หญิงสาวยิ้มแต่แววตาของเธอนั้นกลับเศร้าสร้อยจับใจ “บนเขาลูกนี้มีพญางูขาวอยู่ ลือว่าท่านผู้นั้นจองจำตัวเองไว้มิพบผู้ใด แม้แต่พ่อของตัวเอง เป็นพญางูขาวที่เยือกเย็นราวกับหิมะ เจ้าก็ระวังตัวไว้บ้างล่ะ อย่าทำให้ท่านผู้นั้นโกรธนะ” จากนั้นท่ายยายก็เดินเข้ากระท่อมไป รุ่งเช้าที่หิมะปกคลุมไปทั่วพื้นดิน

เหม่ยฮวาได้กล่าวขอบคุณและกล่าวลาท่านยายจากนั้นก็เดินขึ้นเขาได้ ระหว่างทางที่ปกคลุมไปด้วยหิมะนั้นทำให้เดินลำบากเหม่ยฮวาเกิดลื่นไถลไปข้างทาง ลำตัวกระแทกกับต้นไม้อย่างแรกจนเธอกระอักเลือดออกมา ‘จะมาตายเช่นนี้หรือ ท้ายที่สุดแล้วก็ตายอย่างโดดเดี่ยวสินะ’ เธอรู้สึกเวทนาตัวเองเหลือเกิน ดวงตาค่อยๆปิดลงไปพร้อมกับความเจ็บปวด เธอก็เห็นเงาสีขาวใหญ่เข้ามาใกล้ๆเธอแต่เธอไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะร้องขอใฟ้ช่วย แล้วภาพก็ดับไป

          ‘นางคือผู้ไดกัน ไยถึงขึ้นมาบนเขาในเวลาเช่นนี้’ คำถามมากมายไหลเข้ามาในหัวของ “ไป๋เสวี่ย” ซึ่นก่อนหน้านี้ตนได้ลงมาจากถ้ำเพื่อมาบำเพ็ญเพียรที่ลำธารเหมันต์แต่เขาดันไปเจอกับหญิงสาที่วนอนไม่ได้สติอยู่ใต้ต้นไม้ใกล้ๆลำธาร ตามตัวเต็มไปด้วยรอยขีดขวนแถมยังกระอักเลือดออกมาถ้าปล่อยไว้คงมิรอดคืนนี้

เหมันตฤดู

ไป๋เสวี่ยจึงอุ้มร่างไม่ได้สติของหญิงสาวกลับไปที่ถ้ำของตน นำถังน้ำกลับผ้ามาเช็ดตามใบหน้าของหญิงสาวแล้วปลีกตัวออกไปหาสมุนไพรเพื่อปรุงยารักษาอาการบอบช้ำ เมื่อเขากลับเข้ามาก็เจอกลับหญิงสาวที่ฟื้นแล้วกำลังสำรวจเนื้อตัวของตนเองอยู่ พอนางเห็นตนเข้าก็ตกใจรีบยันตัวลุกขึ้นแต่โดนความเจ็บเล่นงานทำให้นาง

ต้องกลับลงไปนั่งเช่นเดิม “เหตุไดข้าถึงมาอยู่ที่นี่ แล้วท่านคือผู้ใดกัน” นางถามอย่างกล้าๆกลัวๆ “ข้ามีนามว่า ไป๋เสวี่ย ข้าคือพญางูขาวที่ปกปักรักษาเขาแห่งนี้” ไป๋เสวี่ยกล่าวด้วยความสุภาพ “พญางูขาว! ข้าล่วงเกินท่านแล้ว” เหม่ยฮวารีบคำนับท่านพญาแต่ก็ถูกห้ามไว้ “มิเป็นไรข้าไม่ถือสาหรอก แล้วเจ้ามีชื่อแซ่ว่าอันใดแม่นาง” “ข้ามีนามว่าเหม่ยฮวา เหม่ยฮวา” “เหม่ยฮวาที่แปลว่าดอกเหมยสินะ ถ้ำข้ามีอยู่ต้นหนึ่ง นอนพักเถิด เจ้ายังเจ็บอยู่” แล้วเหม่ยฮวาก็หลับไป

           แสงเทียงส่องแสงสลัวในถ้ำของไป๋เสวี่ย มองเห็นคนเจ็บที่หลับไหลไปหลายวัน’ทำไมข้าต้องเป็นห่วงนางด้วยนะ’ ไป๋เสวี่ยนั่งเฝ้าคนเจ็บมิห่างหายจนผ่านไปอีกวัน เหม่ยฮวารู้สึกตัวขึ้นมาก็พบเพียงความว่างเปล่า จึงค่อยๆยันตัวลุกขึ้นมาแล้วพาตัวเองออกมายังนอกถ้ำ “เจ้าฟื้นแล้วหรือ เหตุใดเจ้ามินอนอยู่ในถ้ำ ถ้าเกิดเจ้ากระอักเลือดขึ้นมาจะทำเช่นไร”

เหม่ยฮวาได้ยินเช่นนั้นจึงยิ้มน้อยพร้อมทำหน้าสำนึกผิดทำให้คนเห็นนั้นไม่กล้าดุต่อ “นี่คือต้นดอกเหมยที่ท่านบอกไว้สินะ สวยจังเลย แล้วท่านไปไหนมา”เหม่ยฮวาถามพลางก้มลงไปเก็บดอกเหมยที่ร่วงอยู่บนพื้น “ไปหาสมุนไพรมาเพิ่มน่ะ แล้วนี่เจ้าไม่เจ็บแล้วหรอ”นางส่ายหัวน้อยๆ ทั้งคู่นั่งคุยกันใต้ต้นดอกเหมยสักพักใหญ่ ทั้งเรื่องเศร้า เรื่องตลกที่เคยผ่านพบมา

ใช้เวลาอยู่ด้วยกันจากความใกล้ชิดก็กลายมาเป็นความผูกพัน หัวใจที่เหมือนน้ำเเข็งค่อยๆละลายพร้อมกับหัวใจที่เหี่ยวเฉาค่อยๆเบ่งบานขึ้น ทั้งคู่ให้คำมั่นสัญญาต่อกันและกันว่าจะเคียงคู่กันแม้จะมีอุปสรรคมาขวางก็จะฟันฝ่ามันไปด้วยกัน จนวันหนึ่งพ่อของไป๋เสวี่ยได้มาที่ถ้ำของตนแล้วเห็นลูกตัวเองอยู่กับมนุษย์นั่นทำให้พ่อของไป๋เสวี่ย

โกรธมากเพราะพ่อของตนนั้นเกลียดมนุษย์นักหนา เลยกระชากตัวของเหม่ยฮวาแล้วเหวี้ยงออกไปนอกถ้ำ ไป๋เสวี่ยตกใจรีบเข้าไปช่วยเหม่ยฮวาพร้อมทั้งหันไปมองพ่อของตนด้วยแววตาที่โกรธจัด “ข้าก็อุตส่าห์มาเพราะเจ้ามิเคยไปไปเหยียบที่ดินแดนของเจ้าเลย แต่เจ้ากลับไปคบรักกับมนุษย์ซึ่งมนุษย์กับเทพมันอยู่ร่วมกันไม่ได้!”

พ่อของไป๋เสวี่ยกระชักตัวของตนออกไปแล้วสั่งให้บริวารจับตัวของเหม่ยฮวาไว้พร้อมเอามีดจ่อที่คอของนาง “ถ้าเจ้ามิกลับไปดินแดนกับข้า ข้าจะฆ่านางซะ!” ไป๋เสวี่ยได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกโกรธจัดกว่าเดิม ตนจึงใช้มีดที่ตนพกไว้โจมตีพ่อของตัวเองแล้วรีบเข้าไปช่วยเหม่ยฮวา ทั้งคู่กอดประโลมกันแล้วกันจนไม่สังเกตเลยว่าพ่อของไป๋

เสวี่ยนั้นพุ่งเข้ามาพร้อมมีดอาบยาพิษแทงลงไปที่หลังของเหม่ยฮวาทะลุถึงหัวใจ เลือดไหลนองไปทั่วหิมะจากสีขาวกลายเป็นสีแดงสด เหม่ยฮวาล้มฟุบลงไปนอนกับพื้นต่อหน้าไป๋เสวี่ย เหมือนมีอะไรมากีดที่กลางใจรู้สึกสั่นไปทั้งตัวเหมือนเห็นคนที่ตนรักนั้นสิ้นใจไปต่อหน้า ไป๋เสวี่ยกีดร้องออกมาลั่นป่า กอดร่างอันไร้วิญญาณของนางอันเป็นที่รักไว้แน่น ร้องเรียกนางจนเสียงแหบแห้งก็มิอาจไขว้คว้าให้นางกลับมาหาตนได้ 

            เวลาหมุนเวียนกลับมาสู่ช่วงเหมันตฤดูอีกครา เป็นอีกปีที่รู้สึกหนาวจนเจ็บไปทั้งใจ ผ่านมา 100 ปีแล้ว แต่ไป๋เสวี่ยก็ยังเฝ้ารอดอกเหม่ยดอกเดียวที่เขารัก คอยเขียนเรื่องราวต่างๆไว้ในบันทึกพร้อมคะนึงหาถึงคนที่จากไป ความจำเก่าๆฉายชัดขึ้นมาอย่างเชื่องช้าพร้อมน้ำตาที่ค่อยๆหลั่งไหลออกมาเงียบๆ ‘มันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน” ไป๋เสวี๋ยก็ได้แต่หวังว่ากาลเวลาจะพัดเธอให้กลับมาหาตนอีกครั้ง

นานาสาระ ล่าสุด
โรงเรียนบ้านโป่งกระทิงล่าง
โรงเรียนบ้านโป่งกระทิงล่าง
โรงเรียนบ้านโป่งกระทิงล่าง
โรงเรียนบ้านโป่งกระทิงล่าง